หลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาเวชศาสตร์ปริวรรต หลักสูตรนานาชาติ
โดย อาจารย์ ดร. พญ. ณฐินี จินาวัฒน์
อาจารย์ประจำหลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาเวชศาสตร์ปริวรรต หลักสูตรนานาชาติ
Doctor of Philosophy Program in Translational Medicine (International Program)
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
ความเป็นมาความสำคัญของหลักสูตร
เวชศาสตร์ปริวรรต เป็นชื่อภาษาไทยที่ราชบัณฑิตสถานได้ให้ความหมายมากับคำว่า Translational Medicine ซึ่งเป็นสาขาวิชาแรกและวิชาเดียวที่เปิดการเรียนการสอนในประเทศไทย โดยเปิดการเรียนการสอนมาเป็นเวลา ๔ ปีนับจาก พ.ศ.๒๕๕๖ หลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาเวชศาสตร์ปริวรรต เป็นหลักสูตรพหุวิทยาการ (multidisciplinary) บูรณาการความรู้ระหว่างวิทยาศาสตร์พื้นฐาน (basic science) และวิทยาศาสตร์การแพทย์คลินิก (clinical science) มุ่งผลิตบัณฑิตที่เป็นแพทย์นักวิจัย (physician scientists) นักวิทยาศาสตร์การแพทย์เวชศาสตร์ปริวรรต (translational research scientists) และ นักวิจัยและพัฒนาที่สังกัดภาครัฐหรือภาคเอกชน (R&D scientists) ให้เป็นผู้มีความรู้ มีความเป็นเลิศทางวิชาการ สามารถพัฒนางานวิจัยที่เชื่อมโยงความรู้ในลักษณะสหสาขาวิชา และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริงทางคลินิก เพื่อพัฒนาวิธีการดูแลรักษาผู้ป่วย ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นตลอดจนเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาทางด้านสาธารณสุขของประเทศ (from bench to bedside to community) ในหลักสูตรฯ จะเน้นการทำงานวิจัยเพื่อตอบโจทย์และแก้ปัญหาที่พบในทางคลินิก โดยสามารถแบ่งออกเป็น ๓ ส่วนหลัก คือ งานวิจัยด้านวิทยาศาสตร์พื้นฐาน (basic science research) งานวิจัยทางคลินิก (clinical research) และงานวิจัยที่นำไปสู่การใช้ประโยชน์ (translational research)วัตถุประสงค์ของหลักสูตร
- เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่าง ความรู้ทางวิทยาศาสตร์พื้นฐาน (basic science) กับการเกิดโรค
- สามารถเชื่อมโยงองค์ความรู้ระหว่างความรู้ทางวิทยาศาสตร์พื้นฐาน (basic science) กับความรู้ทางวิทยาศาสตร์คลินิก (clinical science)
- สามารถทำวิจัยโดยเลือกใช้ระเบียบวิธีการวิจัย และออกแบบการทดลองเพื่อทดสอบสมมติฐานที่เกิดขึ้นในทางคลินิกได้อย่างถูกต้อง
- สามารถทำงานเชื่อมโยงกับแพทย์ที่ทำงานด้านคลินิก, แพทย์นักวิจัย, นักวิทยาศาสตร์ที่ทำงานในห้องปฏิบัติการ, นักชีวสารสนเทศ (bioinformatician), วิศวกรการแพทย์ (biomedical engineering) และบุคลากรที่ทำงานในด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัยเวชศาสตร์ปริวรรต
จุดเด่นของหลักสูตร
- เน้นการวิจัยเชิงบูรณาการระหว่างงานวิจัยด้านวิทยาศาสตร์พื้นฐาน (basic research) กับงานวิจัยทางคลินิก (clinical research) โดยมีเป้าหมายเพื่อการนำมาประยุกต์ใช้ได้จริงทางคลินิก เหมาะสำหรับผู้ที่มีความรู้ด้านวิทยาศาสตร์พื้นฐานและมีความสนใจทำงานวิจัยทางเวชศาสตร์ปริวรรต
- โรงพยาบาลรามาธิบดีมีผู้ป่วยหลากหลายและมีตัวอย่างทางคลินิก เช่น เลือดและสารคัดหลั่ง ชิ้นเนื้อของผู้ป่วยที่เหลือจากการใช้เพื่อช่วยวินิจฉัยโรค ทำให้มีความพร้อมในการทำวิจัยด้านเวชศาสตร์ปริวรรตสูง การทำงานวิจัยที่ใช้ตัวอย่างทางคลินิกจะช่วยให้เกิดความเข้าใจปัญหาทางคลินิกได้อย่างลึกซึ้งและสามารถตอบโจทย์งานวิจัยได้ตรงเป้า
- เป็นทางเลือกสำหรับแพทย์เวชปฏิบัติ ที่มีความสนใจในการทำวิจัยเชื่อมโยงระหว่าง basic research กับ clinical research และต้องการศึกษาต่อ
หลักสูตรสาขาวิชาเวชศาสตร์ปริวรรต (Translational Medicine) มีข้อเด่นของหลักสูตร คือ
- เป็นที่แรกที่เปิดให้นักศึกษาเข้ามาเรียนรู้หลักการในการทำวิจัยที่นำความรู้ด้าน basic science ที่ได้จากการทำวิจัยในห้องปฏิบัติการวิจัย (laboratory) มาพัฒนาเป็นผลงานที่ไปใช้ในคนไข้ได้จริง หรือในทางกลับกันคือนำปัญหาทางคลินิกมาเป็นโจทย์วิจัย เพื่อวิจัยหาวิธีการวินิจฉัยและรักษาแบบใหม่ ที่มีประสิทธิภาพดีขึ้น นอกจากนี้ จุดเด่นของหลักสูตรฯ คือตั้งอยู่ในคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ทำให้สามารถปรึกษาพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้และทำงานร่วมกันกับแพทย์ที่ดูแลคนไข้ได้ตลอด นอกจากการทำวิจัยในห้องปฏิบัติการแล้วนักศึกษาของหลักสูตร จะได้ศึกษาปัญหาทางคลินิกจากคนไข้โดยตรง ภายใต้การดูแลของแพทย์ที่ดูแลคนไข้ในโรงพยาบาล ทั้งนี้เพื่อให้สามารถคิดหาโจทย์วิจัยที่ตัวเองสนใจได้ด้วยตนเอง
- ปัจจุบันประเทศไทยยังขาดบุคลากรที่สามารถทำงานร่วมกับทั้งนักวิทยาศาสตร์ในห้อง Lab และแพทย์เวชปฏิบัติได้ การพูดคุยสื่อสารกับนักวิทยาศาสตร์ หรือแพทย์ ต้องอาศัยบุคลากรที่มีความเข้าใจในงานทั้งสองด้าน เราจึงมุ่งผลิตบุคลากรที่ทำงานในลักษณะของเวชศาสตร์ปริวรรต เพื่อลดช่องว่างระหว่างการสื่อสารและทำงานร่วมกันระหว่างนักวิทยาศาสตร์กับแพทย์เวชปฏิบัติได้
- หลักสูตรสนับสนุนให้เกิดผลงานวิจัยที่สามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างคุ้มค่าสูงสุดกับวงการแพทย์ เนื่องจากหลักสูตรมีการทำงานร่วมกันที่ดีกับทางแพทย์ที่ดูแลคนไข้ (แพทย์เวชปฏิบัติ) การได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด เป็นการบูรณาการความรู้ ทำให้เกิดการสร้างงานวิจัยจากปัญหาทางคลินิกที่เกิดขึ้นจริงร่วมกัน ซึ่งงานวิจัยที่สำเร็จจะถูกนำไปในใช้การพัฒนาดูแลรักษาผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สิ่งที่นักศึกษาจะได้รับเมื่อเข้ามาศึกษา และจบการศึกษาออกไป
หลังจากนักศึกษาสำเร็จการศึกษาแล้ว สามารถนำองค์ความรู้ใหม่ๆ ที่เรียนรู้ไปปรับใช้ได้จริง วิชาต่างๆ ใน coursework ของหลักสูตรจะเน้นความเข้าใจกลไกการทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกายมนุษย์ในระดับโมเลกุลและเซลล์ นอกจากนี้ยังเน้นการใช้เทคโนโลยีชีวการแพทย์สมัยใหม่เพื่อทำการวิจัยด้านเวชศาสตร์ปริวรรตในปัจจุบัน การทำงานวิจัยแบบบูรณาการที่เกิดขึ้นในหลักสูตรฯ จะช่วยกระตุ้นให้นักศึกษามีความคิดมีระเบียบวิธีวิจัยและการวิเคราะห์ที่เป็นระบบ เพื่อผลิตผลงานวิจัยหรือนวัตกรรมไปช่วยดูแลรักษาผู้ป่วยให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และข้อดีที่สุดคือ นักศึกษาของเรามีโอกาสที่จะลงไปสังเกตการณ์พร้อมกับอาจารย์แพทย์ที่ลงตรวจรักษาคนไข้ ในหน่วยตรวจผู้ป่วยนอก โดยอาจารย์แพทย์จะเป็นผู้ให้ข้อมูล เช่น คนไข้ที่มาตรวจรับการรักษาเป็นโรคอะไร ปัญหาหลักๆทางคลินิกของผู้ป่วยคืออะไร ทั้งนี้ก็เพื่อกระตุ้นให้เกิดการคิดร่วมกันกับอาจารย์แพทย์ในงานวิจัย ให้นักศึกษาได้เห็นปัญหาที่แท้จริงด้วยตนเอง ซึ่งทางหลักสูตรคิดว่า วิธีการสอนและการปฏิบัติจริงนี้จะช่วยให้นักศึกษาสนใจในสิ่งที่ตัวเองทำมากขึ้น เห็นภาพวัตถุประสงค์การวิจัยชัดเจนขึ้น เกิดกระบวนการเรียนรู้และพัฒนาต่อยอดได้อย่างมีประสิทธิภาพทุนการศึกษา
หลักสูตรเวชศาสตร์ปริวรรต เป็นหลักสูตร International รับทั้งนักศึกษาไทยและต่างชาติ ในปัจจุบัน คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ได้จัดหาและเพิ่มทุนการศึกษาให้แก่นักศึกษาไทยและนักศึกษาต่างชาติ เปิดโอกาสทางการศึกษา สนับสนุนให้ผู้ที่มีความสนใจที่ต้องการเข้าศึกษาต่อทางด้านนี้ได้เข้ามาศึกษา เพื่อนำความรู้ที่ได้ไปพัฒนาสู่การปฏิบัติใช้ได้จริงทางคลินิก ทั้งระดับปัจเจกและในระดับชุมชน ครอบคลุมบริบทของการวินิจฉัยรักษาและการป้องกันโรค และเพื่อการวิจัยและพัฒนางานในศาสตร์ด้านนี้ นอกจากนี้บัณฑิตวิทยาลัยมหาวิทยาลัยมหิดลยังสนับสนุนให้ทุนการศึกษาในด้านต่างๆ อีกจำนวนมากอาชีพที่สามารถประกอบได้หลังสำเร็จการศึกษา
แบ่งออกเป็นการทำงานทางด้าน academia โดยเป็นอาจารย์หรือครูในสถานศึกษา หรือเป็นผู้ให้ความรู้ทางด้าน Translational Medicine แก่หน่วยงานภาครัฐ เช่น สถาบันวิจัย กระทรวง ทบวง กรมต่างๆ และภาคเอกชน ซึ่งปัจจุบันบริษัทเอกชนต่างๆ จะเป็นตัวแทนรับนวัตกรรมหรือเทคโนโลยีใหม่ๆ ทางชีวการแพทย์จากต่างประเทศเข้ามามากกว่าที่จะผลิตคิดค้นเองในประเทศ บริษัทเหล่านี้ต้องการผู้มีความรู้ด้านเทคโนโลยีทางชีวการแพทย์ หรือผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในศาสตร์ด้านเวชศาสตร์ปริวรรตมาทำงานร่วมกับทีม เพื่อเป็นที่ปรึกษาให้กับลูกค้าของบริษัท และในอนาคตประเทศไทยจะมีโครงการ Thailand 4.0 ที่เน้นการผลิตยา หรือเทคโนโลยีใหม่ทางชีวการแพทย์ต่างๆ ได้เองในประเทศมากขึ้น ซึ่งบุคลากรด้านนี้ยังขาดแคลนอยู่มาก ดังนั้นนักศึกษาที่สำเร็จการศึกษาจากหลักสูตร จะเข้าไปทำงานตรงนี้ได้ดี ด้วยนักศึกษาได้เรียนรู้การทำงานเป็นทีมแบบบูรณาการ (multidisciplinary) มีทักษะการสื่อสารที่ดีกับบุคลากรเฉพาะทางหลายๆ ด้าน มีความรู้ในเรื่องของ basic science เทคนิคการทำการทดลองในห้องปฏิบัติการเชิงลึก และทราบถึงวิธีการที่จะนำความรู้ไปใช้ได้จริง หรือตอบโจทย์งานวิจัยทางคลินิกที่เหมาะสมได้ดีเชิญชวนผู้ที่สนใจ ที่จะเข้ามาศึกษาในหลักสูตร และต้องการนักศึกษาที่จบอะไรมาบ้าง
กลุ่มเป้าหมายที่จะเข้าศึกษา- แพทย์ หรืออาจารย์แพทย์ ทันตแพทย์ สัตวแพทย์ เภสัชกร นักศึกษาโครงการ PhD. MD.
- บัณฑิตสายวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ และสายวิทยาศาสตร์ทั่วไป
- แพทย์ หรือบัณฑิตสายวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ และสายวิทยาศาสตร์ทั่วไป จากต่างประเทศ
ผู้สนใจเข้าศึกษา สามารถดูรายละเอียดหลักสูตรได้ที่
http://www.grad.mahidol.ac.th/th/prospective-students/view.php?id=2227D02Ghttp://med.mahidol.ac.th/index.php
https://sites.google.com/a/mahidol.edu/transmed/
ช่วงเวลาเปิดรับสมัคร : ตุลาคม – กุมภาพันธ์ ของทุกปี
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
งานวิเทศสัมพันธ์และสื่อสารองค์การ , งานรับนักศึกษา บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล โทร. 0 2441 4125 ต่อ 130 - 135, 110-115